2 นักวิจัย อว. คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2563 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท

“ดร.เอนก” เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหาชาติเร่งด่วนเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี
อว. จัดพิธีวางพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4

วันที่ 17  สิงหาคม 2563 ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวเปิดตัวนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2563 จัดโดยมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ว่า การศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมของประเทศไทย ทำให้เกิดลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากภายนอก ตามแนวคิด ไทยคิด ไทยประดิษฐ์ ไทยพัฒนา เปลี่ยนจากประเทศผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ประเทศพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ รวดเร็ว มีระบบ และยั่งยืน และสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีภารกิจในการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยการแสวงหาความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ภายใต้สภาพสังคมที่มีการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“รางวัล “นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น”นอกจากจะเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรตินักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานดีเด่นแล้ว ยังเป็นการสร้างปูชนียบุคคล หรือที่เรียกว่า “ไอดอล” ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือไว้เป็นแบบอย่าง ที่สำคัญคือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างบุคลากรด้านการวิจัยที่จะเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป นอกจากนี้รางวัล “นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่” ถือเป็นการสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ที่มีอายุยังน้อย แต่มีศักยภาพในการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพ เป็นการให้กำลังใจในการทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีในอนาคต” รมว.อว. กล่าว

ด้าน ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น กล่าวว่า การพัฒนาและขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยนักวิจัยเพื่อคิดค้นองค์ความรู้ สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่มีศักยภาพเพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ พร้อมเปลี่ยนจากประเทศผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ และสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันในด้านต่าง ๆ อาทิ Energy and Environment, Biotechnologies, Advanced Functional Materials, และ Digital Technologies เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S-curve และ New S-curve)  โดยเฉพาะโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาล

“ปัจจุบันการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ใน 141 ประเทศทั่วโลก (The Global Competitiveness Report) พบว่า ระดับความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 40 และความสามารถด้านนวัตกรรมอยู่อันดับที่ 50 โดยการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) อยู่อันดับที่ 56 การใช้สิทธิบัตร (Patent applications) อยู่อันดับที่ 66 และมีงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D expenditures) อยู่อันดับที่ 54 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงงานวิจัยที่มีคุณภาพดีเด่น (High Quality & High Impact) ทางด้านวิทยาศาสตร์ จากการจัดอันดับของ nature index ranking พบว่า ขีดความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 41 ของโลก จาก 172 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 9 ในกลุ่ม Asia Pacific จาก 30 ประเทศ  และเมื่อพิจารณาในกลุ่ม ASEAN 10 ประเทศ อันดับ 1 คือประเทศสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 ตามด้วยประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ในขณะที่ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพดีเด่นทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยพบว่ามีเพียง 7.7% เท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์” ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การพัฒนาแบบก้าวกระโดด เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือสิงคโปร์นั้น จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมความเป็นเลิศในสาขาวิจัยที่สร้างศักยภาพให้กับประเทศ การเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนนักวิจัยและผู้นำกลุ่มนักวิจัยชั้นแนวหน้า และการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อเร่งสร้างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ฯลฯ ที่มีคุณภาพให้เพียงพอต่อความต้องการและให้ทันต่อการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำหรับในปีนี้ ผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2563 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท ประกอบด้วย

  1. ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผลงานวิจัย “ผู้สร้างสรรค์ต่อยอดภูมิปัญญาอาหารหมักไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ทางอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ ร่วมกับพันธมิตรสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในการผลิตและแปรรูป ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสร้างอุตสาหกรรมอาหารใหม่มูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” โดยคิดค้นองค์ความรู้และพัฒนาระเบียบวิธีใหม่ทางเทคโนโลยีชีวภาพในกระบวนการผลิตอาหาร โดยใช้เซลล์จุลินทรีย์ และเอนไซม์หรือสิ่งที่จุลินทรีย์สร้างขึ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่สำหรับแก้ไขปัญหาในกระบวนผลิตและแปรรูป ยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน สร้างอุตสาหกรรมอาหารใหม่มูลค่าสูง ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพดี ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร สร้างความยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
  2. ศ.ดร.สุทธิชัย อัสสะบำรุงรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลงานวิจัย “เครื่องปฏิกรณ์แบบหลายหน้าที่ (Multifunctional reactor) และการรวมกระบวนการ (Process intensification) สำหรับอุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี และไบโอรีไฟเนอรี” โดยการศึกษาครอบคลุมตั้งแต่งานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ เช่น การเลือกปฏิกิริยา การพัฒนาสูตรตัวเร่งปฏิกิริยา การออกแบบตัวเร่งปฏิกิริยา ตลอดจนการออกแบบกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการผลิต มีความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น องค์ความรู้จากงานวิจัยเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี และไบโอรีไฟเนอรีที่ใช้วัตถุดิบชีวมวล สนองต่อโมเดลการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนบนฐานเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว

รางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2563 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่

  1. ดร.พิชญ พัฒนสัตยวงศ์ สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ผลงานวิจัย “วัสดุไฮบริดเพื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่”
  2. รศ.ดร.ทวีธรรม ลิมปานุภาพ หัวหน้าสาขาวิชาเคมี วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ผลงานวิจัย “การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีและการพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์”

 1,374 total views,  1 views today

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *