“ดร.เอนก” เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหาชาติเร่งด่วนเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี

ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ จำนวน 3 โครงการ
2 นักวิจัย อว. คว้ารางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2563 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท

ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แถลงนโยบายเสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหาชาติเร่งด่วน เพิ่มทักษะบัณฑิตจบใหม่ ให้ทุน 250,000 ทุนเรียนทักษะการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี 1 ปี จบแล้วเข้าทำงานโครงการบัณฑิตอาสาพร้อมเปิดโอกาสประชาชนระดมสมองหาโมเดลต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ สร้างเครือข่ายมองอนาคต ผุดโครงการ 1 อุดมศึกษา 1 พื้นที่ช่วยประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใน 1 ปี เร่งแก้วิกฤติคนตกงาน

DSC 5198

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ อาคารถนนศรีอยุธยา : ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แถลงนโยบายและแนวคิดยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานขับเคลื่อนกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ว่า ตนในฐานะ รมว.อว. มีเป้าหมายและความท้าทายในการดำเนินงาน เร่งซึ่งกำหนดไว้ 2 แนวทาง ได้แก่ ประการแรก แนวทางการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิภายใน 1 ปี (Quick Wins) ประกอบด้วย 1.โครงการเพิ่มทักษะบัณฑิตจบใหม่ ด้านทักษะดิจิทัลและเรียนรู้ในสถานที่ทำงานจริง โดยจะให้ทุนการศึกษากับบัณฑิตจบใหม่ จำนวน 250,000 คน ทีสมัครใจเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพพิเศษ ที่เน้นพัฒนาทักษะการใช้ดิจิทัล เทคโนโลยี หรือ Digtal Literacy โดยเป็นหลักสูตร 1 ปี จบแล้วเข้าทำงานโครงการบัณฑิตอาสาเพื่อพัฒนา Digtal Literacy ให้กับประชาชนในพื้นที่ หรือต่อยอดความรู้ไปสู่อาชีพใหม่ เน้นการปฎิบัติจริงกับภาคเอกชนที่ต้องการจ้างงานหรือรัฐวิสาหกิจชุมชน 2.Thailand Mega Hackathon หรือการเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมกันเสนอปัญหา ระดมสมองและความคิดสร้างสรรค์เพื่อหาโมเดลต้นแบบมาแก้ปัญหาให้กับประเทศ โดย อว. จะสร้างพื้นที่ในการมีส่วนร่วมที่เปิดกว้างให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม 3.Thailand Foresight Consortium หรือ การสร้างเครือข่ายในการมองอนาคต ซึ่งจะฐานของการพัฒนาทักษะในการจับสัญญาณแห่งอนาคตและมองไปในอนาคตให้แก่บุคลากรของ อว.ทุกแขนง เพื่อนำความรู้มาพัฒนาและกำหนดนโยบายหรือแผนงาน ที่สามารถตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาประเทศและตรงกับความต้อการของประชาชนมากที่สุด 4.นำพลังปัญญาเพื่อพัฒนาชาติ 1 สถาบันอุดมศึกษา 1 พื้นที่ สถาบันอุดมศึกษา ต้องตั้งเป้าหมายนำความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมรวมถึงพลังจากบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา เข้าไปช่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ ซึ่งแต่ละสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศจะต้องมีพื้นที่รับผิดชอบต่อสังคมที่ชัดเจนและใช้ความรู้ในการช่วยเหลือประชาชนและชุมชนในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และ 5.เปลี่ยนคนเกษียณเป็นพลัง โดย อว.ต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สำหรับคนเกษียณหรือผู้สูงอายุต้องนำพาเข้าสู่สังคมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะงานในโลกดิจิตัลหรือทักษะงานเฉพาะที่ยังเป็นที่ต้องการสำหรับภาครัฐและเอกชน

ดร.เอนก แถลงต่อว่า สำหรับแนวทางระยะยาว เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมาย จะต้องจัดสรรงบประมาณและบุคลากรที่เหมาะสมกับแนวทางของ อว.โดยจะมีการทบทวนลำดับความสำคัญของการดำเนินการตามสถานการณ์และปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา คือ ทุก 1–3 เดือน และจะต้องสร้างคณะทำงานคาดการณ์อนาคต(Foresight team) เพื่อทำการสร้างฉากทัศน์ด้านนโยบายที่หลากหลายรูปแบบรองรับสถานการณ์ต่างกันเพื่อจะสามารถปรับเปลี่ยนแนวนโยบายและแผนงานให้ตอบสนองต่อหารเปลี่ยนแปลง โดยเอาประชาชนและผลสัมฤทธิ์เป็นที่ตั้งเสมอ

รมว.การอุดมศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นตนยังมีกลยุทฺธ์ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของกระทรวง ได้แก่ 1.การสื่อสารที่แม่นยำ 2.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อววน.) 3.การบริหารจัดการกองทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นได้ 4.การพัฒนาทัศนคติในการบริหารจัดการ 5.การตอบสนองต่อผลการดำเนินการโดยจัดทำฉากทัศน์และนโยบายทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์


“ที่สำคัญสิ่งที่ จะต้องให้ความสำคัญในลำดับแรกของการทำงานจากนี้ คือการร่วมแก้ปัญหาจากวิกฤติโควิด–19 ที่ อว.จะต้องช่วยเหลือผู้ว่างงาน คนตกงาน อย่างเป็นรูปธรรมและเร่งด่วนที่สุดและต้องสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย” ดร.เอนก กล่าว   

 120,957 total views,  1 views today

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *